๒๓/๕/๕๐

เรื่องจริงของเด็กที่ชื่อ "ร็อบบี้" (บทความชวนอ่านจาก"แม่ไก่")

ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยแรงกระตุ้นจากเพื่อนฝูงรอบข้าง ฉันเป็นอดีตครูสอนดนตรีในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งซึ่ง ชอบหารายได้พิเศษจากการสอนให้นักเรียนที่สนใจเรียนเปียโน ฉันมีประสบการณ์มากมายจากนักเรียนพิเศษเหล่านั้น และร็อบบี้ก็เป็นเด็กคนหนึ่งในนั้นที่ฉันจะนำมาเล่าให้ฟัง
ฉันพบร็อบบี้เป็นครั้งแรกเมื่อแม่ของเขาส่งมาให้เรียนเปียโน ร็อบบี้เป็นเด็กชายอายุ 11 ปี ซึ่งความจริงแล้วเขาอายุมากเกินไป ที่จะเริ่มต้นเรียนเปียโนกับฉัน เพราะฉันก็พยายามอธิบายให้ร็อบบี้ฟัง แต่เขาก็ยังคงยืนยันที่จะเรียนให้ได้ ร็อบบี้บอกฉันว่าแม่ของเขาซึ่งเลี้ยงลูกชายคนเดียวด้วยตัวเองตามลำพัง มีความใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะได้ยินลูกชายเล่นเปียโนให้ฟังสักครั้งในชีวิต อย่างไรก็ดี ร็อบบี้ก็ได้เรียนเปียโนกับฉันจนได้
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเริ่มเรียน ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่าเด็กชายคนนี้ไม่มีพรสวรรค์ทางดนตรีเอาเสียเลย ยิ่งเขาพยายามมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดถึงการไร้ความสามารถ และไร้พื้นฐานทางด้านดนตรีโดยสิ้นเชิง แต่เขาเองก็พยายามที่จะทบทวนบทเรียนขั้นพื้นฐานที่ฉันบังคับ ให้นักเรียนทุกคนฝึกฝนอยู่เสมอ ฉันพยายามแล้วพยายามอีกที่จะให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นมา แต่ช่างดูเหมือนกับแทบจะหมดความหมายเอาเสียจริง ๆ ทุกๆสุดสัปดาห์ที่สิ้นสุดการเรียน ร็อบบี้จะพูดเสมอ ๆ ว่า “สักวันหนึ่งแม่ผมจะต้องได้ฟังผมเล่นเปียโน” ฉันไม่เคยได้พูดคุยกับแม่ของเขาเลยแค่เคยเห็นเธอมาส่งร็อบบี้เรียนเปียโน แล้วเธอก็นั่งรออยู่ในรถเก่า ๆ ของเธอ แม่ของร็อบบี้จะเพียงแค่ส่งยิ้มและโบกมือให้ฉัน แต่เธอไม่เคยแวะเข้ามาสักครั้งเดียว แล้ววันหนึ่ง ร็อบบี้ก็ไม่ได้มาเข้าเรียนอีก ฉันคิดว่าจะโทรศัพท์ไปถามข่าวคราวของเขา แต่ก็กลับมาคิดว่า คงเป็นเพราะร็อบบี้เริ่มรู้ตัวเองว่าไม่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีแน่ ๆแล้ว จึงตัดสินใจหยุดเรียนไปเสียเฉย ๆ ฉันเองยังแอบดีใจที่เขาหยุดเรียนไปเสียได้ เพราะเขาคงไม่ใช่นักเรียนตัวอย่างที่ดีที่ฉันสามารถอวดใคร ๆ ได้เลย
หลายสัปดาห์ผ่านไป ฉันส่งใบปลิวไปยังบ้านบรรดาศิษย์ที่เคยเรียนเปียโนกับฉัน เพื่อให้มาร่วมงานแสดงเดี่ยวเปียโนของลูกศิษย์รุ่นปัจจุบัน และฉันก็ต้องประหลาดใจ เมื่อร็อบบี้ซึ่งได้รับใบปลิวด้วย ได้มาขออนุญาติฉันเข้าร่วมเดี่ยวเปียโน ฉันแย้งไปว่านี่เป็นการแสดงของศิษย์ปัจจุบันเท่านั้น ร็อบบี้ได้หยุดเรียนไปนานแล้ว ฉันคงไม่สามารถให้เข้าร่วมแสดงด้วยได้ ร็อบบี้บอกว่าเพราะแม่ล้มป่วยจึงไม่สามารถพาเขามาส่งให้เรียนเปียโนได้ แต่เขาก็ได้ฝึกซ้อมเปียโนอยู่สม่ำเสมอทุกวัน “ครูครับผมจะต้องเล่นเปียโนในคืนนั้นให้ได้” เขายืนยัน ไม่รู้ว่าอะไรกันที่ดลใจให้ฉันยอมให้ร็อบบี้ขึ้นแสดงในวันงาน อาจจะเป็นเพราะความมุ่งมั่นของเขา หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะบางส่งบางอย่างข้างในที่บอกฉันว่า ทุกสิ่งจะต้องเป็นไปด้วยดี
เมื่อคืนวันงานมาถึง ยิมเนเซียมของโรงเรียนมัธยมที่ฉันใช้เป็นห้องแสดงดนตรีนั้น แน่นขนัดไปด้วยผู้ปกครอง เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องของบรรดานักแสดงเปียโน ฉันให้ร็อบบี้แสดงในช่วงหลังสุด ก่อนที่ฉันจะต้องออกมากล่าวขอบคุณและเล่นโชว์เองในชุดสุดท้าย ฉันคิดว่าหากเขาเกิดทำสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา ฉันจะได้รีบออกมากู้หน้า เพื่อกล่าวขอบคุณและปิดการแสดงเสียเลย ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อย นักเรียนทุกคนต่างฝึกฝนกันมาอย่างดี และแสดงออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ และแล้วก็มาถึงช่วงการแสดงของร็อบบี้ เมื่อเขาขึ้นมาบนเวที เสื้อผ้าของเขายับย่นยู่ยี่ ผมเผ้าก็ไม่ได้หวี ดูกระเซอะกระเซิงไปหมด ฉันคิดในใจว่า ตายละทำไมแม่ของเขาไม่ดูแลลูกเลย ทำไมไม่ให้ลูกแต่งตัวเต็มที่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่คืนนี้เป็นคืนพิเศษแท้ ๆ อย่างน้อยก็น่าจะหวีผมเขาให้ดูดีกว่านี้สักหน่อย
ร็อบบี้ดึงม้านั่งเล่นเปียโนออกมาเริ่มต้น ฉันประหลาดใจมากที่เขาประกาศกับผู้ชมว่า เขาเลือกที่จะแสดงคอนแชร์โตหมายเลข 21 ของโมสาร์ท ในซีเมเจอร์ ฉันยังไม่ทันได้เตรียมตัวว่าจะต้องฟังอะไรต่อไป นิ้วของร็อบบี้ก็พรมแผ่วพริ้วไปบนคีย์เปียโน ราวกับว่านิ้วของเขากำลังเต้นระบำอย่างคล่องแคล่วอยู่บนนั้น ไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย ช่างน่ามหัศจรรย์อะไรอย่างนี้ ฉันยังไม่เคยเห็นเด็กชายวัยเท่าร็อบบี้ จะสามารถเล่นเพลงของโมสาร์ทได้ดีเยี่ยมขนาดนี้มาก่อนเลย เมื่อเวลาหกนาทีครึ่งผ่านไป การแสดงของร็อบบี้ก็สิ้นสุดลง ผู้คนทุกคนต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้เขาจนเสียงดังสนั่นไปทั้งห้อง ฉันวิ่งขึ้นไปบนเวทีทั้งน้ำตาคลอโอบกอดร็อบบี้ไว้ด้วยความปลาบปลื้ม “ครูไม่เคยได้ยินเธอเล่นได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลยร็อบบี้ เธอทำได้อย่างไรกัน” ร็อบบี้ตอบฉันผ่านไมโครโฟนออกไปว่า “จำได้ไหมครับครู ที่ผมเคยบอกว่าแม่ของผมป่วย แม่ผมป่วยด้วยโรคมะเร็ง และแม่ก็จากผมไปแล้วเมื่อเช้านี้เอง และความจริงก็คือ แม่ผมเป็นใบ้หูหนวกมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นคืนนี้จึงเป็นคืนแรกที่แม่จะสามารถได้ยินผมเล่นเปียโน ผมจึงต้องการทำให้มันพิเศษสุดจริง ๆ สำหรับแม่” ไม่มีดวงตาคู่ไหนเลยที่จะไม่มีน้ำตาในคืนนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่จากบ้านเด็กกำพร้าที่มารับร็อบบี้ไปดูแล ก็ยังมีนัยน์ตาบวมแดงให้ฉันสังเกตเห็น ฉันไม่เคยได้รับแรงกระตุ้นผลักดันใด ๆ มาก่อนเลย แต่ในคืนนั้นฉันก็ได้รับจากเขา ร็อบบี้ต่างหากที่เป็นครูและฉันเองเป็นนักเรียน ที่สอนให้ฉันได้รู้ความหมายของความเพียรพยายาม... ความรัก...ความเชื่อมั่นในตัวเองและอาจจะรวมถึงการให้โอกาสใครสักคน โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ..........ร็อบบี้เสียชีวิตลงแล้วในการระเบิดที่โอกลาโฮมาซิตี้ เมื่อเดือนเมษายน 1995

อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร อย่าลืมเขียน ความคิดเห็น มาพูดคุยกันบ้าง

๒ ความคิดเห็น:

Rungrote กล่าวว่า...

สิ่งที่เห็น อาจไม่เป็นอย่างที่เห็น สังเกต ให้ความสนใจในรายละเอียดมากขึ้น คุณจะเข้าใจสิ่งที่คุณเห็นมากขึ้น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สามารถสร้างปรากฎการณ์ที่เหลือเชื่อได้เสมอ จะดีแค่ไหน หากลูกๆ ของเราสามารถค้นหาแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์แบบนี้ ในการเรียนหนังสือหรือเรียนสิ่งอื่นๆ ได้บ้าง