๓๐/๑๑/๕๐

บทลงโทษด้วยความรัก (ต.ย.การบอกโลกในเง่บวก)

วันหนึ่งเมื่อยังเด็กแอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่นในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ

เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จากระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ ตาโตด้วยความหวาดหวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ

พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามองแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก

สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมากแทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซนพ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ

ต่อไปนี้ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมายเหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน

ว้าว... ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ?

นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้นฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า…อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริงซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ

ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอเช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหารเธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่าเดี๋ยว ผมเทเองก็ได้ นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอกน้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกันและอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว

แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอกเมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ และได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมาก
เท่าใด อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม) แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าว ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง) รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้ว แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว

สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่ นาฬิกาเรือนละแสนหรือเนคไทเส้นละหลายๆพัน แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง เฝ้ารัก เฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก แล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า

ได้อ่านบทความนี้แล้ว มีรู้สึกดี ๆ เลยนำมาให้อ่านกัน หากใครเคยอ่านแล้วก็ไม่เป็นไรนะ
หากครั้งนี้ลองอ่านดูอีกครั้งแล้วพินิจด้วยใจ
บางครั้ง....เราอาจเคยตั้งคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่ามนุษย์เรา...เกิดมาเพื่ออะไร
บทความนี้อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ...ก็เป็นได้
ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักทุกท่าน

อ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร ก็ช่วยกันส่งโพสมาบอกด้วย...ขอบคุณครับ

1 ความคิดเห็น:

wellness life coach กล่าวว่า...

ดีใจมากครับที่ได้มาพบบล็อกนี้ ความรู้จากบล็อกนี้มีประโยชน์กับงานที่ผมทำอยู่มากครับ